15.11.11

:: ครั้งหนึ่งยังจำได้ ::

  
   คืนนี้เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ไม่มีใครเลยจะรู้ซึ้งถึงความเงียบสงัดได้ดีเท่าตัวผู้เขียนเอง หันมองนาฬิกาเหลืออีกประมาณครึ่งชั่งโมงจะถึงเวลาตีสี่  ซึ่งล่วงเลยวันใหม่มาได้นานพอสมควรแล้ว จึงอยากจะใช้เวลาช่วงนี้เข้ามาเขียนเอนทรี่นี้สำหรับบันทึกความคิดในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ เมื่อได้มีโอกาสย้อนมองกลับมาอีกครั้ง อาจจะเห็นความรู้สึกนึกคิดของตัวเองในช่วงนั้นว่า คิด ทำ อะไรอยู่ไ้้ด้ชัดเจนยิ่งขึ้น ?


   เหมือนช่วงนี้ความคิดจัดลำดับเรื่องต่าง ๆ ยังไม่ลงตัว มีหลายเรื่องยังอยากทำให้สำเร็จลุล่วง หากแต่เวลาเหลือน้อยเต็มที น้อยเกินจะกล่าวคำอำลา แต่ยังมีเวลาขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณพ่อ แม่ (หนี้ชีวิตนี้ไม่รู้จะตอบแทนได้อย่างไร) คนรอบข้าง เพื่อนพ้อง มิตรสหาย ครูอาจารย์ทุกท่านผู้อบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเล็ก จนกระทั่งเติบโตมีชีวิตรอดมาถึงวันนี้ อีกทั้งยังเป็นเสมือนเบ้าหลอมให้เป็นตัวผู้เขียนขึ้นด้วย หากไม่มีผู้คน บุคคลเหล่านั้น รวมถึงการพบ พราก จาก ลา อันเกิดขึ้นอยู่เสมอในชีิวิตนี้ คงไม่อาจรับรู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้ สถานที่ต่าง ๆ ในความทรงจำยังตราตรึงเสมอในหัวใจดวงนี้ (ในวันที่หัวใจดวงนี้อ่อนแอเหลือเกิน...)


   เพียงแต่บางทีผู้เขียนคิดว่าตัวเองใช้ชีวิตอยู่ในห้วงความฝัน ไม่อาจจะรู้ได้ว่าเรื่องจริงนี้จะเกิดขึ้น หรืออาจเป็นแค่ความกังวลภายในใจ แม้กระทั่งอาจเป็นไปได้ว่าเป็นเพียงจินตภาพที่ไม่มีจริง จึงอาจหลงละเลยไม่ได้กระทำและบกพร่องต่อบางสิ่งไปอย่างน่าเสียดาย โดยผู้เขียนมองว่าเมื่อใดก็ตามที่ตัวคุณเองให้ความสำคัญกับเรื่องหนึ่ง คุณมักจะละเลยกับเรื่องหนึ่งไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง คุณจะต้องเลือก สิ่งหนึ่ง สิ่งใด อย่างใด อย่างหนึ่ง และนั่นเป็นตัวชี้วัดความสำคัญในเรื่องนั้น ๆ ที่คุณกระทำอยู่ได้อย่างดีที่สุด และพึงระลึกไว้เสมอว่า พลังงานของคุณมีจำกัด อย่าใช้พลังงานไปกับอะไรที่ไม่เป็นเรื่อง เป็นเหตุให้ต้องสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ ชีวิตคุณก็เช่นกัน มันมีจำกัด นั่นเพราะเมื่อความตายมาอยู่ ณ ตรงหน้า คุณจะต้องหยุดทุกอย่างโดยปริยาย ...




No comments:

Post a Comment