15.11.11

:: ภาพของชายชราคนหนึ่ง ::

      
    ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู ความมืดจึงไม่อาจเห็นตัวเลขถนัดนัก แต่แสงไฟสลัว ๆ ตามป้ายสัญญาณจราจรหรือไฟส่องสว่างเหนือเสาต้นสูงสองฟากฝั่งถนนช่วยทำให้มองเห็นตัวเลขบอกเวลาได้ชัดเจนขึ้น
     
     เวลาเกือบ 20 : 00 นาฬิกา ค่ำคืนนี้แสนเงียบเหงา รถยนต์เรียงตัวเป็นเส้นสาย ทอดตัวยาวตามท้องถนนอันจอแจ ไฟท้ายของรถยนต์เด่นระยับกระทบสายตาเป็นแสงสีแดงบ้าง เหลืองออกส้มบ้าง อีกฝั่งของภาพจราจรขาเข้า แสงสีเหลืองจ้าส่องประกายพุ่งตรงสู่ทางข้างหน้า ราวกับมีนัดหมายปลายทางเดียวกันเอาไว้ 

    ผู้คนเร่งรีบเดินสู่จุดหมายปลายทางของตน ภายใต้แสงไฟกลุ่มหนึ่งเมื่อมองจากบนสะพานลอยสู่พื้นทางเบื้องล่าง เสียงแตรรถยนต์ การเร่งตัวของเครื่องยนต์ ตอกย้ำถึงความเร่งรีบได้เป็นอย่างดี  สำเนียงพูดคุยเจรจาของผู้คนละแวกนั้นปัดไล่ความเงียบงันในชั่วโมงนี้ได้บ้าง แตกต่างอย่างสิ้นเชิงในอีกสามถึงสี่ชั่วโมงข้างหน้า สายลมพัดโหมแรงขึ้นจนรู้สึกเคืองสายตา แต่ยังไม่อาจพัดพาเมฆหมอกแห่งความเหงาที่ยังเกาะกุมความเงียบสงัดภายในใจให้ลอยไป ณ จุดอื่น ๆ ได้เลย

    พลันเดินตรงไปบนลู่ทางเชิงสะพานลอยเบื้องหน้าระหว่างทางเดินเท้า เห็นชายชราแก่ ๆ คนหนึ่ง เนื้อตัวโทรมไปด้วยคราบฝุ่นไคล   สวมใส่เสื้อผ้าขาดวิ่น ไว้ทรงผมสั้น ๆ ไม่เป็นระเบียบมากนัก ข้างกายสังเกตเห็นไม้ค้ำยันคงน่าจะใช้ในการพยุงช่วยในการเดินขึ้นมานั่ง ณ ที่นี้ ในมือมีแก้วน้ำพลาสติคหนึ่งใบ ยกแก้วน้ำขึ้นเหนือศีรษะ แทนสัญลักษณ์การเรียกร้องอะไรบางอย่างได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นภาพที่มีให้เห็นจนชินตาในสภาพสังคมเช่นนี้

    ระหว่างนั้นปราดสายตามองไปยังตึกแถวที่อยู่รายล้อม สามารถมองออกมาเห็นความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ของอีกฝั่งบนสะพานสูงได้ชัดเจน เมื่อมองออกมาจากเงามืดในตึกแถว ตึกแถวตั้งขึ้นเรียงตัวตามถนนสายหลัก แบ่งออกเป็นหลายคูหา ชั้นล่างสุดของตึกใช้เป็นบริเวณขายสินค้า บริการประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เยื้องไปเป็นอาคารพานิชย์ และแหล่งที่ตั้งของธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง ความมืดมิดปิดบังสายตาลดหลั่นตามขั้นระดับของตึกที่สร้างขึ้น 

    ก่อนที่จะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ใช้มือคลำดูเศษเหรียญออกมาควักกองรวมไว้ในอุ้งมือ เหรียญมีมากก็เพราะได้มาจากเงินทอนค่ารถโดยสารก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงเดินตรงไปผ่านชายชรา ประสานตาเข้าไปในม่านตาสีหม่นของเขานิดหน่อย 
สายตาคู่นั้นบอกอะไร ? แต่คงบอกอะไรไม่ได้เลยว่าชายชราผู้นั้นได้ผ่านอะไรมาบ้างในช่วงวัยของชีวิตที่ผ่านมา ?

    พลันยื่นมือวางเหรียญลงไปในแก้วน้ำพลาสติคเก่า ๆ ใบนั้น เสียงเหรียญกระทบกันดัง กรุ๊ง กริ๊ง ... แล้วเงียบไป
ชำเลืองดูใต้แก้วน้ำพลาสติค คาดคะเนจากสายตา คงได้ไม่มากนัก เพราะลึกลงไปล่างสุดของขอบแก้วน้ำพลาสติค แต่กระนั้นคงพอสำหรับเศษอาหารประทังชีวิตให้รอดพ้นไปวัน ๆ หนึ่งของชายแก่วัยชราผู้นั้น

    ก่อนละสายตาเดินลงจากสะพานลอย ก้าวลงจากขั้นบันไดชั้นบนสุด ชายชรายังคงนั่งอยู่กับที่ ณ ตรงจุดเดิม ยกแก้วน้ำพลาสติคขึ้นสูงเหนือศีรษะ หมอบกราบกับพื้นทาง เมื่อมีผู้คนเดินทางผ่านมาในเวลานั้น     
เพื่อถามไถ่น้ำใจจากผู้สัญจรผ่านไปมา คนต่อไป ...
  



No comments:

Post a Comment